เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้คนไทยกว่า 60 ล้านคน สามารถสร้างขยะได้มากถึง 14 ล้านตันต่อปี ตัวเลขดังกล่าวมากแค่ไหน ให้นึกถึงกองภูเขาขยะที่สูงกว่า 40 เมตร และกินเนื้อที่ไปถึงกว่า 800 ไร่ อย่างไรก็ตามพบว่าความสามารถในการจัดเก็บขยะของประเทศกลับมีไม่ถึง 70% ของขยะที่เกิดขึ้น ซึ่งขยะส่วนที่ไม่ถูกจัดเก็บจะพบในรูปของขยะมูลฝอยตกค้างตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งมักจะถูกกองบนพื้นเพื่อรอให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมาก หรือแม้แต่ขยะที่ถูกจัดเก็บเอง ก็จะถูกจัดการโดยใช้วิธีฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary Landfill) ก็ยังก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน
ชนิดของขยะ ระยะเวลาย่อยสลาย
เศษกระดาษ 2-5 เดือน
เปลือกส้ม 6 เดือน
ถ้วยกระดาษเคลือบ 5 ปี
ก้นกรองบุหรี่ 12 ปี
รองเท้าหนัง 25-40 ปี
กระป๋องอะลูมีเนียม 80-100 ปี
ถุงพลาสติก 450 ปี
โฟม ไม่ย่อยสลาย
เปลือกส้ม 6 เดือน
ถ้วยกระดาษเคลือบ 5 ปี
ก้นกรองบุหรี่ 12 ปี
รองเท้าหนัง 25-40 ปี
กระป๋องอะลูมีเนียม 80-100 ปี
ถุงพลาสติก 450 ปี
โฟม ไม่ย่อยสลาย
เพื่อให้การจัดการขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนพยายามรณรงค์ให้เกิดความสำนึกแก่ประชาชน โดยดำเนินการใน 2 มาตรการใหญ่ๆ นั่นคือ
1. คิดก่อนจะทิ้งขยะ โดย มีแนวคิดอยู่ 7R คือ REFUSE การปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงสิ่งของหรือบรรจุภัณฑ์ที่จะสร้างปัญหาขยะรวมทั้งเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องโฟม หรือ ขยะมีพิษอื่นๆ REFILL การเลือกใช้สินค้าชนิดเติมซึ่งใช้บรรจุภัณฑ์น้อยชิ้นกว่า ขยะก็น้อยกว่าด้วย RETURN การเลือกใช้สินค้าที่สามารถส่งคืนบรรจุภัณฑ์กลับสู่ผู้ผลิตได้ เช่น ขวดเครื่องดื่มประเภทต่างๆ REPAIR การซ่อมแซมเครื่องใช้ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ต่อไป ไม่ให้กลายเป็นขยะ REUSE การนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เช่น ใช้ถุง ผ้าไปช็อปปิ้งแทนถุงก๊อบแก๊บ RECYCLE การแยกขยะที่ยังใช้ประโยชน์ได้ให้ง่ายต่อการจัดเก็บและส่งแปรรูป เช่น บรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้ว กระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ และ REDUCE การลดการบริโภคและหาทางเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ
2. การแยกขยะและทิ้งขยะในที่ๆจัดไว้ให้ เช่น ถังสีฟ้า รองรับขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ รีไซเคิลยาก แต่ไม่เป็นพิษ เช่น พลาสติกห่อลูกอม ซองบะหมี่สำเร็จรูป ถุงพลาสติกเปื้อนเศษอาหาร โฟมเปื้อนอาหาร ฟอล์ยเปื้อนอาหาร ถังสีเขียว รองรับขยะที่เน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว สามารถนำมาหมักทำปุ๋ยได้ เช่น ผัก ผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ ถังสีเหลือง รองรับขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลหรือขายได้ เช่น แก้ว กระดาษ พลาสติก โลหะ และถังสีเทา-ส้ม รองรับขยะที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ขวดยา ถ่านไฟฉาย กระป๋องสีสเปรย์ กระป๋อง ยาฆ่าแมลง ภาชนะบรรจุสารอันตรายต่างๆ
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากหลุมฝังกลบขยะมูลฝอยแบบถูกหลักสุขาภิบาล โดยการพัฒนาและปรับปรุงระบบฝังกลบขยะมูลฝอยเพื่อลดการปล่อยออก (Emission) ของก๊าซมีเทนที่เกิดจากกระบวนการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) ภายในหลุมฝังกลบ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas : GHG) ที่ก่อให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือโครงการผลิตพลังงานโดยใช้ก๊าซชีวภาพจากหลุมฝังกลบขยะมูลฝอยซึ่งเป็นการกู้คืนมีเทน (Methane Recovery) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดปัญหาดังกล่าว และเป็นการทดแทนการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลในการผลิตพลังงาน
จากการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเดวิส ได้นำเสนอเครื่องมือที่จะเปลี่ยนผักเหี่ยวๆ ก้างปลาและเศษอาหารให้เป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ซึ่งมีส่วนประกอบหลักๆ คือ ก๊าซธรรมชาติ(ก๊าซมีเทน) 60% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 40% และก๊าซอื่นๆเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์อีก 0.2-0.4% ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ก๊าซมีเทนที่ได้ก็จะมีคุณภาพเทียบเท่ากับก๊าซธรรมชาติทั่วไปในท้องตลาดเลยทีเดียว เทคโนโลยีรูปแบบใหม่นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ บ่อหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic phrased solids digester)
“ทุกๆหนึ่งตันของก้านบรอคคอลี่แก่ๆ เปลือกแตงโมและก้างปลา จะสามารถผลิตพลังงานสำหรับให้ความอบอุ่นกับบ้านในแคลิฟอร์เนียถึง 10 หลัง และก๊าซธรรมชาติที่ได้ยังเอาไปใช้กับรถได้อีกด้วย” ทางมหาวิทยาลัยกล่าว
ปัจจุบันบริษัท ออนไซท์ พาวเวอร์ ซิสเต็มได้ซื้อลิขสิทธิ์จากทางมหาวิทยาลัยและเริ่มผลิตเครื่องมือนี้ออกขายในท้องตลาดแล้ว และหากมีการพัฒนาต่อไปน่าจะสามารถนำพลังงานดังกล่าวมาใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศในบ้านเราแทนการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันได้
เอกสารอ้างอิง
1. http://www.pcd.go.th/ เข้าเมื่อวันที่ 3/8/2008
2. http://www.moe.go.th/ เข้าเมื่อวันที่ 3/8/2008
3. http://www.advanceagro.com/ เข้าเมื่อวันที่ 3/8/2008
4. http://www.vcharkarn.com/ เข้าเมื่อวันที่ 3/8/2008
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น