วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

หาบ้านๆๆ

เมื่อตัดสินใจว่าต้องซื้อบ้านแล้ว ผมว่าขั้นตอนที่ยากที่สุดก็คือการจะเลือกว่าจะซื้อบ้านที่ไหน ซึ่งถ้าเอาคำถามนี้ไปปรึกษาใครก็คงจะได้คำตอบที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนนั้นก็มีความคิดที่หลากหลาย ดังนั้น การจะเลือกบ้านให้ถูกใจคงต้องตั้งเป้าหมายในการซื้อให้ชัดเจน สำหรับผมนั้นมีมีความต้องการบ้านดังนี้

(1) มีอนาคต
ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยอันดับหนึ่ง ที่มีความสำคัญมากๆในการซื้อบ้านของผมครับ เพราะผมไม่อยากให้บ้านเป็นภาระต่อไป ผมจึงมองหาบ้านที่มีอนาคต ทำว่าบ้านมีอนาคตหมายถึงสามารถก่อเกิดกำไรได้นั่นเอง สำหรับบ้านนั้นโดยทั่วไปจะคิดมูลค่าจาก 2 อย่าง นั่นคือ สิ่งก่อสร้างและที่ดิน ในส่วนของสิ่งก่อสร้างจะมีราคาลดลงตามอายุ ที่ทางบัญชีมักเรียกว่าค่าเสื่อม แต่สำหรับที่ดินแล้วโดยทั่วไปราคาจะมีแต่เพิ่มและเลวร้ายที่สุดก็คือราคาคงที่นั่นเอง ดังนั้น การเลือกบ้านที่มีอนาคตก็คือการเลือกบ้านที่ทำเลดีและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต นอกจากนี้คงต้องพิจารณาถึงการซื้อง่ายขายคล่องด้วยในกรณีที่ต้องการหมุนเงินเร็วขึ้น

(2) สอดคล้องกับการเงินของเรา
เงินไม่ใช่ปัจจัยสี่ของเรา แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่คิดถึงไม่ได้ การเลือกบ้านที่ดีควรต้องเลือกบ้านที่เหมาะสมกับฐานะทางการเงินของเรา การประมารราคาบ้านให้สอดคล้องกับการเงินมีหลักอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกอัตราผ่อนแบงค์นั้นคิดคร่าวๆก็คือถ้าซื้อบ้านราคาสัก 1 ล้านบาท ต้องผ่อนแบงค์ประมาณ 7,000 บาท ดังนั้นเราสามารถประมาณราคาบ้านสูงสุดที่เราจะซื้อได้ ส่วนข้อที่ 2 นั้นโดยทั่วไปแบงค์จะให้เราผ่อนไม่เกิน 40% ของอัตราเงินเดือนเรา นั่นหมายความว่า ถ้าเรามีเงินเดือน 30,000 บาท ก็สามารถผ่อนได้เดือนละ 12,000 บาท ซึ่งหมายถึงจะสามารถซื้อบ้านได้ราคาประมาณ 1.7 ล้านบาท แต่ราคาบ้านสูงสุดนี้ก็สามารถเพิ่มได้อีกตามจำนวนเงินสดที่เรามีและพร้อมจะจ่ายได้อีกด้วย

(3) อยู่สบาย
เนื่องจากผมซื้อบ้านเพื่อจะอยู่เอง (ไม่ใช่เพื่อการลงทุนเหมือนบางคน) ดังนั้น บ้านที่ผมจะซื้อต้องอยู่แล้วสบายด้วย ความหมายของคำว่าอยู่สบายของผมก็คือ ไม่ใกลเกินไป สามารถพักผ่อนได้หลังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วก็ต้องชอบด้วย อันนี้สำคัย

หลังจากตั้งเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ขั้นตอนต่อไปก็คือการตระเวนหาบ้านที่พอจะเข้าเค้า เพื่อเอามาเป็นตัวเลือกก่อน ผมใช้เวลาในการหาบ้านเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เคยไปตามงานบูธขายบ้านในห้าง ขับรถวนดูโครงการต่างๆ ดูป้ายประกาศ และเสาะหาตามอินเตอร์เนต ผมแนะนำว่าใครกำลังจะซื้อบ้านให้ใช้เวลาดูตรงนี้ให้รอบคอบครับ ไม่ต้องไปรีบร้อน ไม่ต้องกลัวหมดครับ ^-^

ผมเล่าประสบการณ์ของผมให้ฟังครับ สำหรับผมหลังจากดูบ้านมาหลายที่ก็ตัดสินใจเลือกแบบเป็นจริงเป็นจัง 3 ที่ ที่แรกเป็นคอนโดในสนามกอล์ฟธนาซิตี้ ราคา 9 แสนกว่าบาท ผมชอบเพราะบรรยากาศของสนามกอล์ฟที่มีความร่มรื่นมาก ราคาก็ไม่แพงถ้าเทียบกับคอนโดในขนาดเดียวกัน เดินทางจากที่ทำงานก็สะดวก เพราะใช้เวลาขึ้นทางด่วนไปประมาณ 15 นาที และยังไม่ไกลจาก กทม.สักเท่าไร แต่หลังจากคิดมา คิดไป แล้วก็คิดมา ก็ตัดสินใจไม่ซื้อ เพราะพบว่าช่วงเย็นๆ มีรถติดบริเวณทางลงทางด่วนบริเวณกิ่งแก้วมาก สภาพห้องก็ค่อนข้างเก่าและเปลี่ยวๆ ที่สำคัญมีเสียงเครื่องบินบินรบกวนตลอด

ที่ที่ 2 เป็นตึกแถวมือ 2 บริเวณหมู่บ้านใกล้ที่ทำงาน หมู่บ้านนี้ปัจจุบันเจริญมากครับ เพราะเป็นทางผ่านสายหลักตัดเข้าตัวเมืองแปดริ้ว เจริญหรือไม่เจริญ หน้าหมู่บ้านก็มีร้าน 7-11 ถึง 2 ร้าน มี Lotus express อีก 1 ร้าน มีตลาดนัดในหมู่บ้าน 2 ครั้งต่ออาทิตย์ มีขายของกินเต็มหน้าหมู่บ้านทุกวัน ซึ่งผมเองก็มากินที่นี่บ่อยๆช่วงเย็น นอกจากนี้บริเวณท้ายหมู่บ้านยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่ดิน ซึ่งเค้าว่ากันว่าเป็นสำนักงานที่ดินที่มีรายได้สูงสุดในจังหวัดเลย สภาพของหมู่บ้านนั้น ด้านหน้าและตามถนนเมนจะเป็นตึกแถว ด้านหลังเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวและ 2 ชั้น ความเจริญก็ไล่จากด้านหน้า ไปด้านหลัง ร้านรวงบริเวณตึกแถวด้านหน้าก็เต็มหมด แต่ด้านหลังยังคงซบเซา บางห้องใช้เป็นโรงงานขนาดย่อมๆ บางห้องปิดไม่มีของขายหน้าร้าน สำหรับห้องที่ผมดูก็เป็นห้องที่อยู่บริเวณกลางๆค่อนไปด้านหลัง เพราะมีราคาย่อมเยาว์กว่า เจ้าของเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของหมู่บ้าน ตัวเค้ามีอยู่ 2 ห้อง เป็นห้องกลางและห้องมุม โดยห้องที่ผมสนใจก็เป็นห้องมุมนั่นเอง ตึกแถวเป็นตึกเก่า 2.5 ชั้น คือมีขึ้นจากชั้นล่างจะเป็นชั้นลอย ต้องขึ้นไปอีกชั้นจึงถึงห้องด้านบน และขึ้นไปบนดาดฟ้าได้อีก 1 ชั้น อายุน่าจะสัก 12 ปี ด้านในเป็นห้องโล่งไม่มีการกั้นห้องใดๆ พื้นเป็นคอนกรีตขัดเรียบ มีห้องน้ำบริเวณชั้นล่างห้องเดียว นอกบ้านด้านหลังมีเนื้อที่ให้อีก 3 เมตร ผมดูแล้วน่าอยู่ดี จึงเจรจาขอซื้อห้องมุมได้ในราคา 1.75 ล้านบาท แต่ผมต้องขอไปกู้ bank ก่อน กะว่าถ้ากู้แล้วเงินเหลือยังพอไปตกแต่งให้น่าอยู่ได้ แต่สุดท้ายเจ้าของเปลี่ยนใจไม่ขาย อีกอย่างแบงค์ที่ผมยื่นก็ไม่ให้กู้เพราะเป็นตึกแถวด้วย คิดแล้วยังเสียดายอยู่

อันสุดท้ายที่ได้ซื้อจริงๆ เป็นหมู่บ้านที่ผมเคยดูมาหลายครั้งแล้ว และชอบมาก เพราะหมู่บ้านนี้มีสวนติดกับหลังบ้านทุกหลัง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลด้วย โครงการนี้เป็นโครงการเก่ากว่า 15 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าของโครงการเดิมก็คือบริษัทที่ผมทำงานนี่แหละ แต่ก่อนโครงการนี้ถือเป็นบ้านหรูทีเดียวเนื่องจากเจ้าของเข้ามาทำเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณภาพบ้านค่อนข้างดีทีเดียว บ้านในโครงการมีอยู่ 2 แบบ คือ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ (ซึ่งที่นี่เรียกว่า cluster house) ผมสนใจบ้านแบบทาวน์เฮาส์อยู่ เนื่องจากอยู่ใกล้กว่าบ้านเดี่ยว ราคาขายเดิมจากการสอบถามเคยขายกันอยู่ที่หลังละ 3 ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคาตกลงมาเรื่อยๆ เพราะยังไม่เจริญเท่าไร มีการแปะป้ายขายกันอยู่ที่ประมาณ 1.9-2.3 ล้านบาท แต่พอดีช่วงที่ผมหาอยู่มีบ้านหลุดจำนองมาขายอยู่ที่ 1.65 ล้านบาท ผมเลยตัดสินใจคุยกับเจ้าของขอจองในระหว่างยื่นกู้ สำหรับอนาคตของบ้านนี้เนื่องจากว่าบริษัทยังคงมีพื้นที่อยู่ใกล้เคียงเป็นจำนวนมากและมีโครงการบ้านจัดสรรในปัจจุบัน 2 โครงการซึ่งยอดขายก็เป็นไปได้เรื่อยๆ และยังมีแผนจะปรับปรุงพื้นที่ทะเลสาปด้านหน้าให้เป็น commercial zone ด้วย ผมจึงมองว่าแม้ว่าในระยะใกล้ ราคาบ้านจะยังไม่ขึ้นแต่คงไม่ตกไปกว่านี้ และอนาคตราคาบ้านนี้น่าจะสดใส ตัดสินใจได้ดังนั้นจึงยื่นกู้และในที่สุดก็กู้ผ่านพร้อมกับได้เงินสดมาเกือบ 3 แสนทีเดียว (เย้ๆๆๆ)

ไม่มีความคิดเห็น: