เรื่องของน้องน้ำ

เรื่องของน้ำและไฟ สำหรับงานก่อสร้างใหญ่ๆนั้น โดยทั่วไปแล้วจะถูกแบ่งแยกออกจากงานโครงสร้าง และถูกเรียกรวมว่างานระบบ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านควบคุม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ก็คือวิศวกรงานระบบนั้นเอง แต่พอ scale งานก่อสร้างเล็กลงจนเป็นระดับ end user อย่างจำพวกบ้านเดี่ยว หรือบางครั้ง Apartment สัก 5-6 ชั้น ก็เริ่มตัดผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ออกไป พวกช่างก็จะอาศัยความรู้แบบครูพักลักจำมาทำกันเอง เพราะว่างานดังกล่าวไปซับซ้อนเท่าไรนัก ทำผิดทำถูกก็ค่อยแก้เอา โดยเฉพาะเรื่องของน้ำนี่ มองเห็นชัด ดังนั้นช่างก็ทำเองดีกว่า ถูกตังค์ดี เราก็ต้องมีความรอบรู้ให้มาก อย่าไปเชื่อช่างหมดครับ

สำหรับในส่วนเรื่องของน้ำนั้น ในที่นี้ผมหมายถึงเฉพาะน้ำดี หรือน้ำประปาเท่านั้น ส่วนน้ำทิ้ง คงจะพูดถึงกันคราวหลัง ซึ่งระบบน้ำประปาอาจแยกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ระบบท่อน้ำประปา และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งโดยทั่วไปก็ได้แก่ สุขภัณฑ์ ปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำ

สำหรับระบบท่อน้ำประปานั้น โดยทั่วไปพวกเราจะไม่ค่อยได้ยุ่งกันสักเท่าไรไม่ว่าจะเป็นสำหรับบ้านมือ 1 หรือบ้านมือ 2 เพราะโดยทั่วไปจะมีการเดินท่ออย่างดีแล้ว แต่อาจจะมีการเดินเพิ่มเติม ในกรณีที่ผู้อยู่อาศัยมีความต้องการพิเศษ กว่าที่ทางผู้สร้างบ้านไว้ออกแบบไว้ เช่น ต้องการก๊อกน้ำเพิ่มเติม หรือในกรณีที่ท่อประปามีสภาพทรุดโทรมเป็นสนิมหรือแตกรั่ว จนทำให้ต้องมีการเดินท่อประปาใหม่ โดยการเดินท่อประปาถ้าไม่อยากให้กระทบโครงสร้างอื่นๆอันนำไปสู่งานทุบ ฉาบ เก็บสี งานฝ้า หรืองานกระเบื้อง ก็อาจจะใช้วิธีเดินลอย แต่งานที่ได้ก็จะไม่สวยงามเท่าไรนัก ยังไงงานนี้ก็ง่ายไม่ยากนัก

ปัญหาที่เราพบส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่อพ่วงมากกว่า โดยปัญหามักอยู่ที่การเลือกปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำ ผมได้ลองรวบรวมข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ 2 อย่างนี้มาให้ครับ หวังว่าคงมีประโยชน์ (บ้าง)

-- ปั๊มน้ำ --

ปั๊มน้ำภายในบ้านจะทำหน้ามี่เพิ่มแรงดันน้ำเพื่อให้ห้องน้ำหรือก๊อกน้ำชั้นบนสุดของบ้าน นั้นยังมีน้ำไหลแรงพอที่จะใช้งานได้ ดังนั้นข้อมูลในการซื้อปั๊มน้ำที่ถูกต้องก็คือระยะตามแนวดิ่งของห้องน้ำหรือก๊อกน้ำชั้นบนสุดของบ้านนั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังควรรู้ว่าปริมาณน้ำที่ต้องการเปิดใช้พร้อมๆกันของห้องน้ำชั้นบนดังกล่าวมีเยอะหรือน้อย เพื่อทำการประมาณขนาดของปั๊มน้ำได้ถูกต้อง โดยข้อมูลความต้องการโดยประมาณมีดังนี้

- ก็อกน้ำควรจะจ่ายน้ำที่อัตรา 12 ลิตร / นาที
- อ่างล้างมือควรจ่ายน้ำที่อัตรา 6 ลิตร / นาที
- ฝักบัวควรจ่ายน้ำที่อัตรา 12 ลิตร / นาที
- อ่างอาบน้ำ ควรจ่ายน้ำที่อัตรา 18 ลิตร / นาที
- เครื่องซักผ้า ควรจ่ายน้ำที่อัตรา 12 ลิตร / นาที
- ส้วมชักโครก ควรจ่ายน้ำที่อัตรา 6 ลิตร / นาที

เมื่อทราบข้อมูลแล้ว ก็สามารถทำการเลือกปั๊มน้ำได้ง่าย โดยดูข้อมูลของ spec ปั๊มน้ำแต่ละตัว ตัวอย่างเช่น ใครเลือกใช้ Mitsubishi ดูจากตารางได้เลยโดยดูจากระยะส่งเป็นอันดับแรก ประกอบกับปริมาณน้ำที่ส่งได้

สำหรับรุ่นและยี่ห้อนั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วปั๊มน้ำที่มันนิยมใช้กันอยู่ก็มี 2 ยี่ห้อ นั่นก็คือ Mitsubishi และ Hitachi โดยทั้ง 2 ยี่ห้อผมว่าดีพอๆกัน สำหรับบ้านผมเลือกใช้ของ Mitsubishi เพราะรู้สึกว่าคนนิยมกว่า แต่ไม่ว่าปั๊มน้ำยี่ห้อไหนก็มีหลักการคล้ายๆกัน ซึ่งปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบธรรมดาและระบบ inverter และก็แน่นอนอีกว่าระบบ inverter ก็จะประหยัดไฟกว่าอยู่แล้ว

--ถังเก็บน้ำ--

ถังเก็บน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในความเป็นจริงแล้ว การใช้ปั๊มน้ำจะต้องใช้คู่กับถังเก็บน้ำเสมอ เพราะหากต่อปั๊มน้ำจากท่อประปาโดยตรงจะเป็นการแย่งน้ำจากคนอื่น ทำให้ต่อไปทุกคนก็แย่งน้ำกันหมด น้ำจากการประปาที่นำมาใช้ก็จะไม่พอ ดังนั้น เราควรต่อน้ำประปาเข้ามาสู่ถังเก็บน้ำก่อน แล้วจึงต่อปั๊มน้ำจากทางออกของถังเก็บน้ำอีกที

ขนาดของถังเก็บน้ำที่ผู้รู้แนะนำกันคำนวณจากกรณีน้ำไม่ไหลต่อเนื่องกัน 2 วัน โดยจากการคำนวณคนปกติที่มีการซักผ้าที่บ้านด้วยน้ำใช้น้ำกัน 200 ลิตรต่อคนต่อวัน ดังนั้นถ้าอยู่กัน 4 คน ก็ต้องซื้อถังขนาด 4x200x2 = 1,600 ลิตร จากนั้นก็ไปดูขนาดถังในตลาดให้มีขนาดไม่น้อยกว่าที่คำนวณ อย่างไรก็ดี ขนาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นกับพื้นที่ดังกล่าวว่ามีการขาดแคลนน้ำมากหรือน้อยเพียงใด

ส่วนรูปแบบของถังเก็บน้ำนั้นโดยทั่วไปก็จะแบ่งเป็น 2 ชนิด ก็คือ ถังเก็บน้ำใต้ดินและ ถังเก็บน้ำบนดิน ซึ่งผู้ซื้อเลือกได้ตามความเหมาะสมในการใช้และสภาพบ้านได้ โดยถังเก็บน้ำบนดินจะสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา แต่ถังเก็บน้ำใต้ดินก็จะได้เปรียบในแง่พื้นที่และความสวยงาม แต่ปัจจุบันถังเก็บน้ำบนดินมีการพัฒนาไปมากจนมีความสวยงามเพียงพอ สามารถใช้ประดับบ้านได้เลย บางยี่ห้อมีการทำเป็นสี่เหลี่ยมด้วย ส่วนยี่ห้อดังๆของถังเก็บน้ำมีอยู่ 4 ยี่ห้อ ก็คือ DOS, ตราเพชร, PP, และ (จำไม่ได้) ลองเลือกดูนะครับ