วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

หรือเราหลงลืมอะไรบางอย่าง

นี่ไม่เกี่ยวข้องกับหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรท์แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเห็นชื่อนี้เหมาะมากๆกับเรื่องที่ได้รับ email มา และผมชอบมากครับ จึงขออนุญาตนำมาลงใน webblog พร้อมปรับปรุงให้สละสลวยขึ้นเล็กน้อย


เรื่องราวนี้เป็นเรื่องรา ที่เกิดขึ้นในวันอันแสนเยือกเย็น ช่วงเดือน มกราคม ปี 2009 ณ กรุงวอชิงตัน ดี ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนั้นเป็นเวลา ประมาณ 8.00 น. ผู้โดยสารนับพัน นับหมื่น รีบเร่งเดินทางไปทำงาน ชายคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดิน "L‘Enfant Plaza" และเล่นดนตรีหลายเพลง เป็นเวลานานถึง 45 นาที

เมื่อการแสดงผ่านไป 3 นาที ชายวัยกลางคนคนหนึ่งชลอความเร็วลง หยุดฟังเพียงไม่กี่วินาที แล้วเร่งฝีเท้าเดินจากไป อีก 1 นาทีต่อมา นักดนตรีคนดังกล่าวได้รับเงิน 1 ยูเอสดอลล่าร์ จากหญิงสาวคนหนึ่ง แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้หยุดฟังเลย เวลาผ่านไปหลายนาที มีผู้โดยสารคนหนึ่ง หยุดดูอยู่จากฝั่งตรงข้าม และหลังจากเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ แล้วเขาก็เดินจากไป สิ่งที่ทำให้ให้นักคนตรีคนนี้ ประทับใจ ก็คือ เด็กชาย อายุ 3 ขวบคนหนึ่ง หยุดฟังการแสดงอย่างสนใจ แต่มารดาของเขากลับทั้งฉุดทั้งดึงให้ลูกชายเดินต่อไป แต่เด็กชายคนดังกล่าวก็ยังเดินไปพลาง เหลียวหลังกลับมาดูไปพลาง จนกระทั่งลับตาไป

ตลอดเวลา การแสดง 45 นาที มีเพียง 7 คน ที่หยุดดูการแสดง เขาได้รับเงินจากการแสดงทั้งสิ้น 32 ยูเอส ดอลล่าร์ เมื่อเขาจบการแสดง ไม่มีคนสนใจ ไม่มีใครปรบมือให้ ในจำนวนคนนับพันที่ผ่านไปมา มีเพียง 1 คน เท่านั้น ที่สนใจการแสดงของเขาจริงๆ

ไม่มีใคร รู้ว่า แท้จริงแล้ว เขาคือ Joshua Bell หนึ่งในนักดนตรีไวโอลินระดับโลก ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบัน ในการแสดงเขาเลือกเล่นเพลงที่จัดว่าเล่นยากที่สุดในโลก มาแสดงในวันนั้นที่สถานีรถไฟใต้ดิน นอกจากนั้น ไวโอลิน ที่ใช้เล่นเป็นไวโอลินอิตาลีที่ผลิตในปี ค.ศ. 1713 มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้าน 5 แสน ยูเอส ดอลล่าร์ (ประมาณ 117 ล้าน บาท) นอกจากนี้ก่อนหน้าการแสดงที่สถานีรถไฟใต้ดิน 2 วัน เขาได้เข้าร่วมการแสดงดนตรี ที่บอสตัน ถึงแม้บัตรจะราคาหลายร้อยเหรียญสหรัฐ แต่บัตรก็ขายจนหมด

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง

การที่ Joshua Bell ไปเล่นไวโอลิน ที่สถานีรถไฟใต้ดิน นั้น ทีมงานหนังสือพิมพ์วอชิงตันออนไลน์ จัดทำขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อ ทดสอบพฤติกรรมของคนในการรับรู้...รสนิยม และปฎิกิริยาเพื่อต้องการคำตอบที่ว่า ขณะที่คนเราอยู่ในที่สาธารณะ อยู่ในเวลาที่รีบเร่ง คนเราจะยังสามารถรับรู้ความสุนทรีย์รอบข้างได้หรือไม่ เราสามารถหยุดเพื่อรับรู้ความสวยงามเหล่านี้ได้หรือไม่ เราสามารถค้นพบอัจฉริยะในสภาพแวดล้อมที่รีบเร่งหรือไม่

อาจจะมีบทสรุปคือ หากคนเราคิดว่าไม่มีเวลาที่จะหยุดลงซักครู่ เพื่อฟังดนตรีที่บรรเลงโดยนักดนตรีที่มีความสามารถ เล่นเพลงที่แต่งอย่างสละสลวย ก็ไม่รู้ว่า ยังมีคนอีกมากมายเท่าไหร่ ที่พลาดสิ่งดีๆ รอบตัวไปอย่างน่าเสียดาย

ไม่มีความคิดเห็น: