วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มังกรหยก

เริ่มต้นจากความประทับใจสมัยวัยเด็กในหนังจีนกำลังภายใน จำได้ว่าชอบดูมากและบางครั้งก็ทำตามโดยหวังจะมีกำลังภายในบ้าง แต่เมื่อดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้ติดตามจนถึงถึงขั้นแฟนพันธ์แท้เหมือนหลายๆคน ทำให้ลืมเรื่องราวหลายๆเรื่องที่เคยดูมาจน (เกือบ) หมดแล้ว เมื่อเติบโตขึ้นและมีโอกาส จึงกลับไปหาดูหนังเก่าๆอีกครั้ง (ผ่าน youtube) เพื่อหวังจะหาความสุนทรีที่ได้ในวัยเด็กกลับคืนมา ซึ่งแม้หนังจะเป็นคนละยุคกับที่เคยดู แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้าติดตามจนถึงขั้นงอมแงมได้เหมือนเดิม และเพื่อให้ความทรงจำในวันนี้ยังคงอยู่ไปนานๆ จึงนำเนื้อเรื่องและความประทับใจนี้มาเขียนลงใน blog เพื่อว่าคิดถึงเมื่อไร ได้กลับมาดูก็จะยังจำได้เสมอ ...

ก่อนจะอ่านเนื้อเรื่องย่อ ขอปูพื้นถึงเรื่องมังกรหยกก่อน ซึ่งถ้ารู้แล้วน่าจะมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น มังกรหยกเป็นนิยายกำลังภายในที่ประพันธ์โดยกิมย้ง ซึ่งคนทั่วๆไปจะรู้จัก "ก๊วยเจ๋ง-อึ้งย้ง" จากเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้วกิมย้งยังมีนิยายชุดที่เกี่ยวข้องอีก 3 เรื่อง อันได้แก่
  1. มังกรหยก ภาค 2 กล่าวถึงรุ่นลูกของภาคแรก ตัวเด่นก็คือ "เอี้ยก้วย-เซียวเล่งนึ่ง"
  2. ดาบมังกรหยก เรื่องนี้เป็นสมัยหลังๆจากภาคสองสัก 200 ปีได้ แต่ชื่อบุคคลและวิชายังมีความเกี่ยวข้องบ้าง
  3. แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เรื่องนี้ย้อนกลับไปสมัยแรกๆก่อนสมัยมังกรหยก (ซึ่งจริงๆแล้วผมชอบเรื่องนี้ที่สุด)
ลักษณะการเขียนของกิมย้งนั้น มักจะอิงเนื้อเรื่องในประวัติศาสตร์ และใช้ชื่อบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์เป็นหลัก ดังนั้นถ้าใครไปอ่านก็ไม่ต้องแปลกใจ ส่วนเนื้อเรื่องย่อที่จะเขียนต่อไป คงเขียนในลักษณะของผมเอง โดยไม่ได้เน้นไปที่ชื่อตัวละครทุกตัว (เพราะจำไม่ค่อยได้)

อีกอย่างหนึ่งที่ต้องท้าวความไว้ก่อนที่จะลืมก็คือเนื้อเรื่องของกิมย้งเป็นที่ยอมรับกันว่าวิชาต่างๆในสมัยก่อนจะเข้มแข็งกว่าสมัยต่อมาเสมอ ซึ่งอาจจะเป็นด้วยการหายไปของเคล็ดวิชาในระหว่างการถ่ายทอดหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นเวลามีคนพูดถึงความเก่งกาจของบุคคลต่างๆในเรื่อง เฉียวฟงในแปดเทพอสูรมังกรฟ้ามักจะได้กล่าวถึงก่อนก๊วยเจ๋ง หรือเอี๊ยก้วยเสมอ

เนื้อเรื่องของมังกรหยกจะกล่าวถึงชีวิตของก๊วยเจ๋งเป็นหลัก ตั้งแต่เกิดจนกระทั้งเติบใหญ่ได้เป็นจอมยุทธที่มีฝีมือสูง 1 ใน 5 ของยุทธจักร โดยขอสารภาพว่าระหว่างที่เขียนนี้ก็ยังดูไม่จบ แต่ถ้ารอจบก็คงจะลืมไปอีก (ความจำราวปลาทอง) จึงขอมาเขียนก่อนที่จะลืมเป็นดีที่สุด

ป.ล. เนื้อเรื่องนี้ดูจากมังกรหยก2003 มาเป็นหลัก อาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาในหนังสือหรือภาคอื่นๆบ้าง ก็อย่าได้ถือเป็นอารมณ์ เพราะผู้เขียนไม่ใคร่ชอบอ่านหนังสือ

ช่วงถือกำเนิด
เนื้อเรื่องปูไปในสมัยปลายราชวงศ์ซ้อง (หรือซ่ง ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนมองโกลจะเข้ามายึดดินแดน และก่อตั้งราชวงศ์หยวนขึ้น ในช่วงนี้คนทั่วไปไม่ค่อยพอใจราชสำนัก ที่สนใจแต่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ไม่สนใจทุกเข็ญของราษฏร) โดยเนื้อเรื่องช่วงนี้เน้นบรรยายถึงครอบครัว 2 ครอบครัว คือครอบครัวแซ่ก๊วย และครอบครัวแซ่เอี๊้ย ทั้ง 2 ครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านในชนบทแห่งหนึ่ง ด้วยการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประกอบกับความรักชาติ ทำให้สองครอบครัวนี้รักกันมากเหมือนเป็นพี่เป็นน้องท้องเดียวกันทีเดียว โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัวทั้งสอง (ก๋วยเซ่าเทียน และเอี๊ยทิซิม) สองครอบครัวนี้พบกันเมื่อไร หรือแต่งงานพร้อมกันหรือไม่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ขณะนี้ทั้งคู่มีตัวน้อยๆอยู่ในท้องแล้ว และน่าจะเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน (ดังนั้นจึงประเมินได้ว่าช่วงนี้น่าจะกินเวลาประมาณ 6-7 เดือนตั้งแต่เริ่มเรื่อง)

วันหนึ่งนักพรตนาม "คิวชู่กี่" (หนึ่งในเจ็ดนักพรตช้วนจิน ซึ่งมีประมุขก็คือ เฮ้งเตงเฮี้ยง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในกลุ่ม 1 ใน 5 ยอดฝีมือยุคที่ 1 ในสมัยนั้น) โผล่เข้ามา ด้วยความที่เป็นคนรักชาติและไม่เห็นด้วยกับราชสำนักเหมือนกับก๋วยเซ่าเทียน และเอี๊ยทิซิม ทั้งหมดจึงคุยกันถูกคอ และสาบานเป็นพี่เป็นน้องกัน คิวชู่กี่ยังได้ตั้งชื่อลูกในท้องของก๋วยเซ่าเทียน และเอี๊ยทิซิมว่า ก๊วยเจ๋งและเอี้ยคัง เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของ เจ๋งคัง (เค้าว่าเป็นเรื่องอัปยศที่เจ๋งคังเคยถูกไต้กิมจับไปและถูกข่มเหง อ่านแล้วเชื่อว่ากิมย้งตั้งใจตั้งชื่อนี้ เพื่อให้ผู้อ่านฉุกคิดถึงการกระทำในอนาคตของเอี้ยคัง ได้เป็นอย่างดี) นอกจากนี้ยังได้มอบมีดสั้นที่สลักชื่อเด็กทั้ง 2 ไว้ด้วย ซึ่งภายหลังทั้ง 2 ครอบครัวได้แลกกันเพื่อเป็นของหมั้นหรือแทนความเป็นพี่เป็นน้องกัน

เรื่องเล็กๆอีกเรื่อง (ที่ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อเอี๊ยคังในภายหลัง) ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือการลอบเข้ามาของชายลึกลับ ซึ่งบาดเจ็บจากการสู้รบในกลางดึกคืนหนึ่ง โดยภรรยาของเอี๊ยทิซิมได้บังเอิญไปช่วยชายคนดังกล่าวจนรอดชีวิต โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลาแค่ 1 คืน จึงถือเป็นแค่เรื่องเล็กๆ (จริงๆแล้วชายคนนี้ภายหลังได้เปิดเผยว่าคืออ๋อง 6 แห่งไต้กิม ประเทศที่รุกรานซ้องนั่นเอง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการช่วยเพียงเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลต่อตระกูลเอี๊ยอย่างมากในเนื้องเรื่องช่วงถัดไป)

เรื่องราวในช่วงนี้ขมวดปมเข้ามาจบเมื่อทางการกล่าวหาว่า 2 ครอบครัวนี้เป็นกบฏ (ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ความลับก็มาเปิดเผยในช่วงต่อมา) จนทหารของราชสำนักบุกเข้ามาจับตัว ทั้งก๋วยเซ่าเทียน และเอี๊ยทิซิมได้สู้เพื่อปกป้องลูกเมียจนตัวตาย (ก๊วยเซ่าเทียนและเอี๊ยทิซิม แม้มีฝีมือบ้าง โดยเฉพาะเอี๊ยทิซิม ที่สืบทองพลองตระกูลเอี๊ยที่พอมีชื่อบ้าง แต่ก็ไม่ได้สูงส่ง ) แต่ในที่สุดเมียของทั้งคู่ก็ถูกทหารจับไป ระหว่างทางถูกปล้นโดยพวกของอ๋อง 6 ทำให้ทั้งคู่แยกจากกัน โดยอ๋อง 6 ได้ภรรยาสกุลเอี๊ยไป ขณะที่ภรรยาของตระกูลก๋วยยังคงถูกจับและเดินทางต่อ ซึ่งก็เดินทางด้วยความลำบากอย่างยิ่ง 

โดยส่วนตัวมองว่าเนื้อเรื่องช่วงนี้พยายามแสดงให้เห็นรอยต่อจากจุดเริ่มต้นของเด็กทั้งสองที่เหมือนกัน แต่ด้วยโชคชะตาทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในการถือกำเนิดของเด็กทั้งสอง ก๋วยเจ๊งถือกำเนิดขึ้นกลางทะเลทราย ด้วยความยากลำบากของผู้เป็นแม่ ที่ต้องทนทุกข์จากการเดินรอนแรมกับทหารที่จับตนมา ภายหลังหลุดรอดจากโจรป่าที่เข้าปล้นขบวนทหาร และก็ต้องคลอดบุตรด้วยตนเอง ขณะที่เอี๊ยคังกำเนินขึ้นในวังของอ๋อง 6 อย่างเพียบพร้อม มีหมอหลวงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เหตุการณ์ต่อๆไปจะยิ่งเห็นความแตกต่างของเด็กทั้งสองมากยิ่งขึ้น

เนื้อเรื่องรองสำหรับช่วงนี้ กลับไปกล่าวถึงคิวชูกี่ ซึ่งเพิ่งทราบข่าวการตายของก๋วยเซ่าเทียน และเอี๊ยทิซิม จึงพยายามติดตามช่วยเหลือฮูหยินของทั้ง 2 ครอบครัว โดยที่ไม่ทราบว่าจริงๆทั้งสองถูกแยกจากกันแล้ว เรื่องราวหลักเกิดขึ้นเมื่อนักพรตคิวชู่กี่ติดตามกลุ่มทหารมาจนถึงแดนกังน้ำ และเกิดความเข้าใจผิดกับยอดยุทธของแคว้น "7 ประหลาดกังน้ำ(กลุ่มจอมยุทธแห่งกังน้ำ ที่มักไปพร้อมกันทั้ง 7 คน พี่ไหญ่นามว่า คัวเต็งอัก ฉายาค้างคาวเหิน คนรองนามว่า จูชง ฉายาบัณฑิตมือไว คนสามนามว่า ฮั้งปอหู ฉายาเทพอาชา คนสี่นามว่า นั้งฮียิ้ง ฉายาคนผ่าฟืน คนห้านามว่า ตีอาเเซ ฉายาพรานหน้าเป็น คนหกนามว่า ช่วนกิมฮ้วน ฉายาจอมยุทธหก ส่วนน้องคนเล็กเป็นหญิงนามว่า ฮั้งเสียวเฮ้ง ฉายากระบี่นางพญา ฝีมือก็ระดับกลางๆทั่วไป แต่ดูพี่คนโตจะฝีมือสูงสุด จริงๆสู้คิวชู่กี่ไม่ได้ แต่อาศัยอาวุธลับจนเสมอได้ ) จนต้องมาประลองกัน   และเกิดสัญญาใจกันต่อมาว่า คิวชู่กี่จะต้องไปสอนเอี๊ยคัง และ 7 ประหลาดกังน้ำ ต้องไปสอนก๊วยเจ๋ง เพื่อมาประลองกันอีก 18 ปีต่อมา

ช่วงที่สอง วัยเด็ก
เนื้อเรื่องช่วงนี้กล่าวถึงก๊วยเจ๋งเป็นหลัก โดยก๊วยเจ๋งเติบโตขึ้นในดินแดนทางเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพวกมองโกล ก๊วยเจ๋งเป็นเด็กหัวช้ามาก แต่ก็มีนิสัยกล้าหาญและพยายามไม่ยอมแพ้ ซึ่งด้วยนิสัยดังกล่าวทำให้ได้เป็นพี่น้องร่วมสาบาน (ในเนื้อเรื่องเรียกว่า อัลตา ต้องมีการแลกของกัน หากคืนของถือว่าความสัมพันธ์ยุติ) กับลูกของเตมูจินอีกด้วย

เรื่องราวผูกกับช่วงแรกด้วยการให้เจ็ดประหลาดกังน้ำมาพบก๊วยเจ๋ง เมื่อเวลาผ่านไปถึง 6 ปี (ก็คืออายุ 6 ขวบแล้วนั่นแหละ) แต่ก่อนจะได้สอนวิทยายุทธ ก็เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นซะก่อน เมื่อ 7 ประหลาดกังน้ำต้องรปะทะกับ 2 จอมมาร ที่เคยทำให้พี่ใหญ่ของพวกเขาตาบอด  (ชื่อสองคนนี้คือเหยเชาฟงหรือสมยานามศพเหล็ก และตั้งเฮี้ยงฮวงศพทองแดง สองจอมยุทธฝ่ายอธรรม เดิมทีทั้งสองเป็นศิษย์ของมารบูรพา อึ้งเอี๊ยซือ 1 ใน 5 ยอดฝีมือยุคที่ 1 แต่กลับมีเรื่องรักใคร่กันจนถูกขับไล่ พร้อมขโมยวิชาเก้าอิมจากอาจารย์มาได้ครึ่งเล่ม มาฝึกเองได้เป็นกรงเล็บกระดูกขาว) จนทำให้จอมยุทธห้าตาย จากนั้นทั้ง 6 คนที่เหลือก็พยายามถ่ายทอดวิชาให้ก๊วยเจ๋ง แต่ด้วยความหัวทึบของพระเอก ทำให้วิทยายุทธไม่ก้าวหน้า จนในเรื่องกล่าวว่า "อายุ 6 ขวบก็ฝึกได้ 3 กระบวนท่า มาถึงอายุ 16 ก็ยังฝึกได้แค่ 3 กระบวนท่าเช่นเดิม"

ส่วนทางด้านเอี๊ยคังมีการกล่าวถึงเพียงเล็กน้อยในเนื้องเรื่องช่วงนี้ เรื่องแรกเป็นการฉายภาพให้เห็นถึงการถูกเลี้ยงดูแบบตามใจของท่านอ๋อง 6 ที่รักเอี๊ยคังมากราวกับบุตรชายของตน และอีกเรื่องก็คือการที่ศิษย์น้องของเอี๊ยคัง ได้ลอบเข้ามาวัดฝีมือกับก๊วยเจ๋งถึงดินแดนมองโกลตอนที่ก๋วยเจ๊งอายุได้ 16 ซึ่งนั่นทำให้รู้ว่าเอี๊ยคังฝีมือสูงกว่าก๊วยเจ๋งมาก (ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร)

แต่แล้วก๋วยเจ๊งก็พัฒนาขึ้นได้จากการเข้ามาของ "เบ๊เง๊ก" (อีกคนในเจ็ดนักพรตช้วนจิน ซึ่งเป็นศิษยพี่ของคิวชู่กี่ แต่ฝีมือน่าจะด้อยกว่า) ที่แอบเข้ามาสอนวิชาพัฒนากำลังภายในให้ก๊วยเจ๋ง โดยส่งผลอย่างยิ่งต่อจนกล่าวว่าแค่เวลา 2 ปีสามารถพัฒนากำลังภายในของก๊วยเจ๋งให้สูงกว่า 7 ประหลาดกังน้ำทีเดียว (ฝีมือของชาวยุทธว่าเก่งหรือไม่เก่งต้องวัดจากกระบวนท่า+กำลังภายใน การที่มีกำลังภายในสูงอย่างเดียวไม่อาจเอาชนะ ดังนั้นแม้กำลังภายในจะสูงขึ้น แต่ก๊วยเจ๋งก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย)

เนื้อเรื่องของช่วงนี้น่าจะมาสิ้นสุดที่การสามารถรวบรวมชนเผ่ามองโกลทั้งหมดของเตมูจิน และสถาปนาตัวเองเป็น "เจงกิสข่าน" ภายใต้การช่วยเหลืออย่างมากของก๊วยเจ๋ง และแต่งตั้งให้ก๊วยเจ๋งเป็นราชบุตรเขยดาบทอง (โดยการยกลูกสาวให้แต่งงานกับก๊วยเจ๋ง) อีกด้วย

สิ่งที่ชอบมากสำหรับช่วงนี้ก็คือความเป็นผู้นำของเตมูจิน โดยเฉพาะตอนนี้ก๊วยเจ๋งเข้ามาเตือนว่าจะมีทัพมาลอบโจมตี ขณะที่คนอื่นเห็นว่าไร้สาระ เตมูจินกลับกล่าวว่า "ระแวงเกินไปสัก 1000 ครั้ง ก็ยังไม่เป็นไร ถ้าเทียบกับประมาทและเสียหายแค่เพียงครั้งเดียว)

ช่วงที่สาม ออกเดินทางสู่วันประลอง
หลังจากนั้น ก๊วยเจ๋งและอาจารย์ทั้ง 6 จึงออกเดินทางออกไปเพื่อมุ่งสู่การประลองที่ได้นัดหมายไว้ โดยเดินทางล่วงหน้า 1 เดือน แต่เพื่อให้ก๊วยเจ๋งได้มีประสบการณ์ในยุทธภพ เหล่าอาจารย์ทั้ง 6 จึงเห็นควรให้ก๊วยเจ๋งเดินทางไปตัวคนเดียว

เนื้อเรื่องช่วงนี้มีเรื่องสำคัญ 2 อย่าง อย่างแรกก็คือการที่ก๊วยเจ๋งจะได้พบกับอึ้งย้ง โดยครั้งแรกที่พบกัน อึ้งย้งปลอมตัวเป็นชายขอทาน เข้าไปป่วนในร้านเหล้า ภายหลังก๊วยเจ๋งเข้าไปช่วย และคุยกันอย่างถูกคอ ด้วยความเป็นคนดีของก๊วยเจ๋ง ทำให้อึ้งย้งหลงรัก และภายหลังก๊วยเจ๋งได้พบอึ้งย้งตอนเป็นหญิงก็หลงรักเช่นกัน (เร็วปานจรวด)

ขณะที่อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักเป็นเรื่องของเอี๊ยคัง ที่ก๊วยเจ๋งบังเอิญได้มาเจอ พร้อมกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เมื่อความลับของการเป็นคนซ่งที่ถูกเก็บเอาไว้ 18 ปี โดยแม่แท้ๆ และพ่อที่เลี้ยงดูมา ต้องถูกเปิดเผยในชั่วข้ามคืน จากการปรากฏตัวอีกครั้งของเอี๊ยทิซิม หนังสะท้อนถึงนิสัยก่อนค้นพบความจริงว่าเอี้ยคังเป็นหนุ่มรูปงาม (แต่ในหนังไม่ค่อยหล่อเท่าไร) ที่นิสัยฉลาดแกมโกงผสมโหดร้าย แต่ยังแฝงด้วยความขี้เล่นแบบเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีนิสัยรักแม่เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อความลับเปิดเผยจึงทำให้สับสนในการเลือกระหว่างเป็นคนซ่งธรรมดา หรือเป็นราชบุตรชาวกิมดี อีกทั้งเวลาที่ให้คิดก็มีเพียงแค่ 1 วัน สุดท้ายก็จบที่พ่อและแม่แท้ๆตัดสินใจฆ่าตัวตาย ท่ามกลางการรายล้อมของทหารกิม

หนังช่วงนี้มาจบได้ดีในตอนท้าย ที่ 7 ประหลาดกังน้ำ และคู่ชู่กี่มาพบกันหลังโศกนาฏกรรมดังกล่าว และเป็นคู่ชู่กี่เองที่กล่าวยอมแพ้ โดยกล่าวว่าลูกผู้ชายให้วัดกันที่คุณธรรม ไม่ใช่ความสามารถ ดังนั้นหากเปรียบเอี๊ยคัง ที่ทรยศต่อชาวซ่ง กับก๊วยเจ๋ง ที่เป็นคนดี จึงประกาศให้ 7 ประหลาดกังน้ำชนะตน พร้อมกับยินดีให้โลกรับรู้ ซึ่งใครที่ได้ดูมาถึงตอนนี้ จะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของ 7 ประหลาด ที่แม้ไม่ได้มีฝีมือล้ำเลิศ แต่มีความตั้งใจ รักษาสัญญา และมีคุณธรรมเป็นที่ตั้ง

เกือบลืมอีกคนหนึ่ง คือ สาวสวย "มกเนี่ยมชื้อ" ได้ปรากฏตัวในตอนนี้พร้อมกับเอี๊ยทิซิม ในฐานะพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง เดิมทีเดียวพยายามหาคู่โดยการประลองตามริมถนน แต่บังเอิญเอี๊ยคังผ่านมา ด้วยความอยากวัดฝีมือจึงเข้าประลอง และก็ชนะ แต่กลับไม่ยอมแต่งงาน (แต่ฝ่ายหญิงนะรักตั้งแต่แรกพบ) ภายหลังเมื่อพ่อและแม่จริงตาย จึงมีความผูกพันธ์ต่อนางพอสมควร อีกทั้งฝ่ายหญิงก็ค่อนข้างเป็นห่วงเป็นใย (ตอนหลังเค้าว่ามีลูกกัน นามว่าเอี๊ยก้วย ด้วย ขอพูดถึงชื่อ เอี๊ยก้วยหน่อย ชื่อเต็มๆว่า เอี๊ยก้วย เก้ยจื้อ เป็นชื่อที่ก๊วยเจ๋งตั้งให้ ก้วย = ความผิดพลาด ขณะที่ เก้ยจื้อ = แก้ไข แปลรวมๆก็คือ คนที่จะมาแก้ไขความผิดพลาดของสกุลเอี๊ย)

ช่วงที่สี่ เริ่มออกเดินทาง
ช่วงนี้ของเรื่องดูจะมีความเป็นแฟนตาซีมากขึ้น เนื่องจากมีจอมยุทธต่างๆผลัดกันโผล่มาแสดงฝีมือ ระหว่างการเดินทางไปของก๊วยเจ๋งเนืองๆ โดยเนื้อเรื่องหลักๆก็คือ ก๊วยเจ๋งได้ออกท่องเที่ยวไปกับอึ้งย้ง โดยหนีอาจารย์ออกมา เนื่องจากอาจารย์ไม่ชอบอึ้งย้งที่เป็นลูกของมารบูรพา

คนแรกที่เข้ามาก็คือขอทานเก้านิ้ว อั้งฉิกกง (1 ใน 5 ยอดฝีมือในยุคแรก นามยาจกอุดร อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคกระยาจกด้วย มีนิสัยชอบกินของอร่อย จนเคยทำให้เสียงาน จนต้องตัดนิ้วตัวเองออกเพื่อดัดนิสัย ท่าไม้ตายก็คือฝ่ามือสยบมังกร 18ท่า ซึ่งเป็นท่าเดียวกับเฉียวฟง ในเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า เคยใช้ แต่เค้าว่ากันว่าอานุภาพด้อยกว่า ) ซึ่งบังเอิญผ่านมาเจอกับทั้งสองคน และได้สอนวิชาสุดยอดของตนคือ ฝ่ามือสยบมังกร 15 จาก 18 ท่าให้ก๊วยเจ๋ง แต่อย่างที่บอกแหละว่าก๊วยเจ๋งนั้นหัวช้ามาก ทำให้การสอนทำได้ยาก แต่เนื่องจากมีอึ้งย้ง ทำให้สามารถรั้งตัวอั้งฉิกกงให้สอนก๊วยเจ๋งเป็นเวลาถึง 30 วัน ขณะที่ไม่เคยสอนใครนานเกิน 3 วันเลย

ต่อมาก็คือการปรากฏตัวของอึ้งเอี๊ยซือ (1 ใน 5 ยอดฝีมือในยุคแรก ฉายามารบูรพา เป็นพ่อของอึ้งย้ง อาศัยที่เกาะดอกท้อ มีนิสัยที่ลึกลับ เป็นคนสุขุมรอบคอบ และเด็ดขาด)  จากการออกตามหาลูกสาว เนื้อเรื่องได้ผูกกับตัวหลักของเรื่อง โดย เอี้ยคังซึ่งถือเป็นตัวแทนของแค้วนจิน ถูกจับโดยกลุ่มโจรไท่โอ่ว (โจรริมทะเลสาปไท่โอ่ว อยู่ในกังน้ำเหมือนกัน) จนทำให้อาจารย์ลับๆเหมยเชาฟง (บังเอิญไปเป็นศิษย์-อาจารย์ เนื่องจากเหมยเชาฟงธาตุไฟเข้าแทรก ในวังของเอี้ยคัง และเอี้ยคังเข้าช่วยเหลือ) ต้องเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งก็มาอยู่ที่ตึกเมฆหวนนี่โดยบังเอิญ และเหตุการณ์เดียวกันนี้ก็เป็นการเปิดเผยความลับเกี่ยวกับศิษย์ของมารบูรพาให้รับรู้อีกด้วย เนื่องด้วยประมุขของจอมโจรไท่โอ่ว แท้ที่จริงก็คือ ศิษย์น้องของเหมยเชาฟง ซึ่งเมื่อนางและศิษย์พี่ได้ขโมยคัมภีร์ 9 อิม ครึ่งเล่มแล้วหนีไป อึ้งเอี๊ยซือโกรธจนลืมตัว หักขาศิษย์ที่เหลือทั้งหมด จนเป็นแผลติดในใจมาจนถึงปัจจุบัน การเจอกันอีกครั้งของศิษย์อาจารย์ ทำให้อึ้งเอี๊ยซือรู้ว่าศิษย์ของตนยังรักตน จึงให้อภัยศิษย์ของตนนับตั้งแต่นั้น นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ก๊วยเจ๋งได้พบพ่อตาของเขาอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่การพบกันที่น่าประทับใจนัก


ผมเลือกช่วงเวลาก่อนที่เอี้ยคังจะกลับไปเป็นองค์ชายจินเป็นช่วงจบของตอนนี้ เพราะหลังจากที่เอี้ยคังโดนจับมายังบ้านเมฆหวน ระหว่างนั้นแม้ว่าจะมาในนามชาวจิน แต่ภายในใจยังสับสนระหว่างการจะเป็นจินหรือซ่ง และเมื่อได้มาพบกับ "ต้วนชิงเต๋อ" นายทหารที่เป็นคนบุกฆ่าครอบครัวของตนเมื่อยังเด็ก ที่มาบอกความลับที่ไม่มีใครรู้เพิ่มอีกว่าคนบงการก็คือพ่อเลี้ยงของตัวนั่นเอง ทำให้ในใจเอี๊ยคังตอนนี้รังเกียจชาวจินขึ้นมาทันที แต่ความสับสนก็เกิดขึ้นมาอีกเมื่อได้มาเป็นพี่-น้องกับก๊วยเจ๋ง ได้พบความแตกต่างทางนิสัย การเข้ามาพบกับความยากลำบากของการเป็นสามัญชนระหว่างการเดินทาง และที่สำคัญการได้มาพบกับพ่อเลี้ยงตนเองอีกครั้ง ทำให้ในที่สุดเอี๊ยคังก็ตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองได้

ยอดฝีมืออันดับถัดมาที่แม้จะยังไม่ปรากฏตัวออกมาในเนื้อเรื่องช่วงนี้ แต่ก็มีการกล่าวถึงค่อนข้างมาก ก็คือ "อ้าวเอี๊ยงฮง" (1 ใน 5 ยอดฝีมือในยุคแรก พิษประจิม ชื่อก็บอกแล้วว่าเก่งเรื่องพิษ) โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงลูกชายนาม "อ้าวเอี๊ยงโคก" ซึ่งมีนิสัยบ้าผู้หญิง ได้จับผู้หญิงตงหยวนไปจำนวนมาก ซึ่งต่อมาพรรคกระยาจก และก๊วยเจ๋งได้ให้ความช่วยเหลือ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ก๊วยเจ๋งได้เรียนฝ่ามือสยบมังกรเพิ่มอีก 3 ท่า และได้เป็นศิษย์คนแรกของอั้งชิกกงอีกด้วย (อี้งย้งก็ได้เป็นศิษย์คนที่สองในเหตุการณ์เดียวกันนี้) มกเนี่ยมชื้อก็เป็นเหยื่ออีกคนเหมือนกันที่โดนจับไว้แต่เนื่องจากเป็นคนดื้อจึงถูกอ้าวเอี๊ยงโคกจับไปไว้ในโลงศพ กลางศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่ง ภายหลังถูกเอี้ยคัง ก๊วยเจ๋ง และอี้งย้ง พบตัว ซึ่งนั่นทำให้มกเนี่ยมชื้อได้ยินสิ่งที่เอี๊ยคังตัดสินใจกลับเป็นชาวจินแล้วทั้งหมด

(โปรดติดตามตอนต่อไป กับช่วงที่ 5 เกาะดอกท้อ)

ไม่มีความคิดเห็น: